วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Assignment#4

ให้นักศึกษาทำการพิจารณาเงื่อนไขต่อไปนี้  พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าเหตุใดควรเลือกใช้การเชื่อมต่อแบบ ใยแก้วนำแสง หรือแบบสายทองแดง


1.ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับเครื่อง Desktop
   ตอบ  ควรเลือกใช้สายแบบทองแดง เนื่องจาก ความเร็วในการเชื่อต่อของสายแบบทองแดงอยู่ใน 
               เกณฑ์ดี ซึ่งก็มีความเหมาะสมกับความเร็วสำหรับเครื่อง Desktop มีราคาในการติดตั้งไม่สูง
               มากนัก ควบคุมการแพร่กระจายของข้อมูลได้เป็นอย่างดี สามารถทำงานร่วมกับระบบการเชื่อม
               ต่อแบบดั้งเดิมโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มมากนัก และนอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูง
               สามารถโค้งงอได้ เหมาะแก่การติดตั้งในพื้นที่ที่มีจำกัด แต่สายแบบทองแดงจะถูกสัญญาณ
               ไฟฟ้ารบกวนได้ทำให้มีผลต่อการส่งข้อมูล


2.ต้องการให้มีประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อระหว่างวงแลนมีความเร็วสูง

   ตอบ  ควรเลือกใช้สายแบบใยแก้วนำแสง เนื่องจากเป็นสายสัญญาณที่มีความเร็วสูงสุดในการเชื่อม
               ต่อ และมีความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วแสงมาก เพราะสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถรบกวน
               ได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการแพร่กระจายของข้อมูลในเครือข่ายได้ดี 
               แต่สายแบบใยแก้วนำแสงเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูง ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายแบบ
               เดิมได้  การคตรวจสอบความผิดปกติของสายสัญาณทำได้ยาก


3.ระยะทางที่สายสัญญาณเดินทางผ่านต่องผ่านเครือ่งกำเนิดไฟฟ้า

   ตอบ ควรเลือกใช้สายแบบใยแก้วนำแสง  เนื่องจากสายแบบใยแก้วนำแสงเป็นสายที่ป้องกันการ
              รบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้การรับหรือส่งข้อมูลไม่มีปัญหา


4.ต้องการระบบที่ง่ายต่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุงกรณีเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ

   ตอบ ควรเลือกสายแบบทองแดง เนื่องจากสายแบบทองแดงสะดวกต่อการติดตั้งมีความซับซ้อนไม่
            มากซึ่งเมื่อเทียบกับ สายแบบใยแก้วนำแสงซึ่งมาราคาสูง การติดตั้งมีความซับซ้อน ทำให้การ
            ตรวจสอบหาจุดที่ผิดพลาดเพื่อซ่อมแซมสามารถทำได้ยาก


5.รองรับการเพิ่มจุดการเชื่อมต่อสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook เพิ่มเติมอย่างน้อย 4 เครื่อง

   ตอบ ควรเลือกใช้สายแบบทองแดง เนื่องจากสายแบบทองแดงมีราคาถูกสามารถติดตั้งได้ง่าย มี
            ความเร็วในการเชื่อมต่อที่อยู่ในเกณฑ์ดี สามารถควบคุมการกระจายของข้อมูลได้และที่
            สำคัญสามารถทำงานร่วมกับระบบการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิมโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มมากนัก
           มีความยืดหยุ่มสูงหากมีการโค้งงอได้ในกรณีที่ติดตั้งในพื้นที่ที่มีจำกัด
   

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Assignment#3

อินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัย

1. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์บ้าน เพราะผู้ร้ายสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์บ้านเพื่อโทรสอบถามที่อยู่ของเจ้าของ บ้านได้จากบริการ 1133 ซึ่งเป็นบริการมาตรฐาน โจรผู้ร้ายและพวกจิตวิปริตอาจมาดักทำร้ายคุณได้ เวลาแช็ตก็ให้ใช้ชื่อเล่นหรือชื่อสมมุติแทน


2. ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน เอกสารต่างๆ รวมถึงรหัสบัตรต่างๆ เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต ฯลฯ ให้กับผู้อื่น แม้แต่เพื่อน เพราะเพื่อนเองก็อาจถูกหลอกให้มาถามจากเราอีกต่อหนึ่ง


3. ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้จริงๆ


4. ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต เว้นเสียแต่ว่าได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และควรมีผู้ใหญ่หรือเพื่อนไปด้วยหลายๆ คน เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ


5 ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ เด็กต้องปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขาย เช่นดูประวัติ ดูการให้คอมเมนท์ Comment จากผู้ซื้อรายก่อนๆ ที่เข้ามาเขียนไว้ พิจารณาวิธีการจ่ายเงิน ฯลฯ และต้องไม่บอกรหัสบัตรเครดิต และเลขท้าย3หลักที่อยู่ด้านหลังบัตรให้แก่ผู้ขาย หรือใครๆ โดยเด็ดขาด เพราะเป็นรหัสสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต คุณอาจถูกยักยอกเงินจากบัตรเครดิตจนเต็มวงเงินที่คุณมี แล้วมารู้ตัวอีกทีก็มีหนี้บานมหาศาล นอกจากนี้คุณผู้ปกครองก็ไม่ควรวางกระเป๋าเงินที่ใส่บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ ให้เด็กหยิบง่ายๆ เพราะคำโฆษณาล่อหลอกทางเน็ต อาจทำให้เด็กอยากซื้อสินค้าที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง แล้วอาจมาเปิดดูรหัสบัตร เพื่อไปซื้อสินค้าออนไลน์ได้


6. สอนให้เด็กบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (Internet Bullying)
เช่น ได้รับอีเมล์หยาบคาย การข่มขู่จากเพื่อน การส่งต่ออีเมล์ข้อความใส่ร้ายป้ายสีรุนแรง หรือถูกนำรูปถ่ายไปตัดต่อเข้ากับภาพโป๊แล้วส่งไปให้เพื่อนทุกคนดู ถูกแอบถ่ายขณะทำภารกิจส่วนตัว เป็นต้น ให้เด็กบอกพ่อแม่ ถ้าเป็นการกลั่นแกล้งในหมู่เพื่อน พ่อแม่ควรแจ้งคุณครูหรือทางโรงเรียนและผู้ปกครองของเด็กคู่กรณีให้รับทราบ พฤติกรรมการกลั่นแกล้งของเพื่อนนักเรียน เพราะการกลั่นแกล้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึง การณ์แบบนี้ อาจทำให้เด็กที่ถูกแกล้งเสียสุขภาพจิต ไม่อยากไปโรงเรียน และมีปัญหาการเรียนได้ ซึ่งพ่อแม่เองก็ควรจะสังเกตอาการลูกๆ ด้วยว่าซึมเศร้าผิดปกติหรือเปล่า และควรพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ส่วนการกลั่นแกล้ง แบล็คเมล์ในกรณีรุนแรงควรแจ้งตำรวจเพื่อเอาโทษกับผู้กระทำผิด



7. ไม่เผลอบันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ
การ ใช้คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่บ้านคนอื่นต้องระวังเวลาใส่ชื่อยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดในการ ล็อคอิน เข้าไปในเว็บไซท์ หรือเปิดใช้โปรแกรมต่างๆ เช่น เปิดเช็คอีเมล เปิดใช้โปรแกรมสนทนาMSN เปิดดูข้อมูลทางการเงินส่วนตัวผ่านเว็บไซท์ธนาคารที่ให้บริการออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล็อคอินเข้าไปยังเว็บไซท์ เพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จะต้องไม่เผลอไป ติ๊กถูกที่หน้ากล่องข้อความที่มีความหมายประมาณว่า “ให้บันทึก ชื่อผู้ใช้และพาสเวิร์ดของคุณบนเครื่องคอมพิวเตอร์นี้” อย่างเด็ดขาด เพราะผู้ที่มาใช้เครื่องต่อจากคุณ สามารถล็อคอินเข้าไป จากชื่อของคุณที่ถูกบันทึกไว้ แล้วสวมรอยเป็นคุณ หรือแม้แต่โอนเงินในบัญชีของคุณจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ที่เขาต้องการ ผลก็คือคุณอาจหมดตัวและล้มละลายได้



8. การใช้โปรแกรม MSN อย่างปลอดภัย
ถ้าเจอเพื่อนทางเน็ตที่พูดจา ข่มขู่ หยาบคาย ชวนคุยเรื่องเซ็กซ์ พยายามชวนออกไปข้างนอก ให้เลิกคุย และควรบอกพ่อแม่ด้วย รวมทั้งสกัดกั้น Block ชื่อของเพื่อนคนนั้นๆ ไม่ให้เข้ามาคุยกับเรา/ลูกของเรา หรือไม่ให้ส่งอีเมล์มาหาเราได้อีก นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าการใช้งานโปรแกรมสนทนาให้เป็นแบบ Private ได้ เช่น ในโปรแกรมสนทนายอดนิยมอย่าง MSN Messenger สามารถตั้งค่าให้เพื่อนใหม่ที่อยากจะเข้ามาคุยกับคุณ ต้องขออนุญาติก่อน เมื่อคุณตอบตกลง เขาจึงส่งข้อความมาคุยโต้ตอบกับคุณได้ ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ใครๆ ก็สามารถส่งข้อความมาถึงคุณได้ ซึ่งถ้าผู้ใช้เป็นเด็ก อาจได้รับข้อความถามขนาดอวัยวะ ข้อความชวนไปมีเซ็กซ์พร้อมบรรยายสรรพคุณต่างๆ ข้อความเสนอขายเซ็กซ์ทอย ฯลฯโผล่ขึ้นมาได้ ซึ่งคงไม่ดีแน่ ดังนั้นการตั้งค่า Privacy จึงเป็นการ สกรีนผู้ใช้ และป้องกันไม่ให้คุณหรือเด็ก ได้รับข้อความลามก ข้อความเชิญชวนแปลกๆ จากผู้ใช้ที่เราไม่รู้จักและไม่อยากจะคุยด้วย นอกจากนี้ ไม่ควรใส่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ในข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ ถ้าเคยใส่ไว้ ให้ลบออกให้หมด ถึงแม้ว่าคุณจะใช้โปรแกรมสนทนาอื่นๆ เช่น ICQ หรือแช็ตรูมตามเว็บไซท์วัยรุ่นอื่นๆ ก็ขอให้ยึดหลักปฏิบัติเดียวกันนี้ เพื่อความปลอดภัย 



9. POP-UP Blocker
การจัดการกับกล่องข้อความ ป๊อป-อัพ ที่เปิดตัวอัตโนมัติทันทีที่เราเปิดเว็บไซท์บางเว็บไซท์ ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นข้อความ ขายสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ต่างๆและมักจะมีพวกสปายแวร์ กระโดด เข้ามาซ่อนอยู่ในคอมของเราอีกด้วย การป้องกัน ป๊อป-อัพ เปิดตัวอัตโนมัติทำได้ง่ายนิดเดียว สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ เข้าไปที่ Tools เลือก Pop-up Blocker เพียงเท่านี้ ก็จะไม่มีป๊อป-อัพ โผล่ขึ้นมากวนใจคุณอีก


10. กรองเว็บไม่เหมาะสมด้วย Content Advisor ในอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ
ใน โปรแกรมเว็บ บราวเซอร์ อย่าง อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ ก็มีการตั้งค่า คอนเทนท์ แอดไวเซอร์ หรือฟังก์ชั่น การกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถเปิดเข้าไปในเว็บไซท์ที่มีภาพและเนื้อหา โป๊ เปลือย ภาษาหยาบคาย รุนแรงได้ และยังมีการตั้งพาสเวิร์ด หรือรหัส สำหรับผู้ปกครอง เพื่อกันเด็กเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าของคุณ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปปลดล็อกได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณจำเป็นต้องเข้าเว็บไซท์บางเว็บไซท์ 





Social Media คืออะไร

สำหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรือหนีคำว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมารู้จักความหมายของมันกัน....
คำว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน
คำว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
ดังนั้นคำว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเอง...
พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ


เว็บ Social Media แบ่งตามหมวด

หมวดการสื่อสาร (Communication)

  • Blogs: Blogger, LiveJournal, TypePad, WordPress, Vox
  • Internet forums: vBulletin, phpBB
  • Micro-blogging: Twitter,Plurk, Pownce, Jaiku
  • Social networking: Avatars United, Bebo, Facebook, LinkedIn, MySpace, Orkut, Skyrock, Netlog, Hi5, Friendster, Multiply
  • Social network aggregation: FriendFeed, Youmeo
  • Events: Upcoming, Eventful, Meetup.com

หมวดความร่วมมือ และแบ่งปัน (Collaboration)

  • Wikis: Wikipedia, PBwiki, wetpaint
  • Social bookmarking: Delicious, StumbleUpon, Stumpedia, Google Reader, CiteULike
  • Social news: Digg, Mixx, Reddit
  • Opinion sites: epinions, Yelp

หมวด มัลติมีเดีย (Multimedia)

  • Photo sharing: Flickr, Zooomr, Photobucket, SmugMug
  • Video sharing: YouTube, Vimeo, Revver
  • Art sharing: deviantART
  • Livecasting: Ustream.tv, Justin.tv, Skype
  • Audio and Music Sharing: imeem, The Hype Machine, Last.fm, ccMixter

หมวดรีวิว และแสดงความคิดเห็น (Reviews and Opinions)Product Reviews: epinions.com, MouthShut.com, Yelp.com

  • Q&A: Yahoo Answers

หมวดบันเทิง (Entertainment)

  • Virtual worlds: Second Life, The Sims Online
  • Online gaming: World of Warcraft, EverQuest, Age of Conan, Spore (2008 video game)
  • Game sharing: Miniclip


Traditional media  คือออะไร
เป็นสื่อจำพวกโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ โดยเป็นการสื่อสารทางเดียว (one-way communication) กล่าวคือ ผู้รับสารไม่สามารถที่จะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น  ซึ่งก็คือ สื่อจำพวกวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์นั่นเอง  ทำให้มีข้อจำกัดในการเข้าถึง  เนื่องจากการที่จะเข้าถึงนั้นผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องมี โทรทัศน์ หรือวิทยุเป็นต้น



ความแตกต่างระหว่าง Social Media กับ Traditional media
ความแตกต่างระหว่างสื่อทั้งสองชนิดนี้คือ การที่ผู้ใช้งานสามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางสื่อเหล่านี้ได้ โดย Social Media ผู้ใช้งานจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ แต่ Traditional media นั้นผู้ใช้งานไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้





Weblog มีประโยชน์อย่างไรกับแวดวงธุรกิจในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน บริษัทชั้นนำต่าง ๆ ของโลก ได้หันมาจับตามอง Blog ซึ่งเป็นรูปแบบของการ Marketing แบบใหม่ เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่าน Blog สูงมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่าย สามารถโต้ตอบกันได้โดยตรง การที่ใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น Buzz Marketing บางบริษัทอาจเลือกเจ้าของ Blog ให้เป็น presenter ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่นเสนอสินค้า ให้เจ้าของ Blog นำไปเขียนวิจารณ์หรือเขียนถึงใน Blog ของตนเป็นต้น

บางบริษัทใช้ Blog เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ PR ข่าวสารขององค์กร โดยการใช้ Blog เพื่อประกาศข่าวสารนั้น จะดูมีความเป็นกันเอง และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างเป็นมิตร เพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถฝาก comment หรือสื่อสารกับเจ้าของ Blog ได้ทันที ทำให้บริษัทเอง จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำ ที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีกด้วย บริษัทชั้นนำต่างเลือกที่จะใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดกันแล้ว โดยบางแห่งใช้ทั้ง Blog อย่างเป็นทางการของบริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียน Blog ของตนเองอีกด้วย โดยวิธีการนี้นับเป็นการทำการตลาด โดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีกด้วย

นอกเหนือจากองค์กรธุรกิจแล้ว บุคคลที่ทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม สามารถใช้ Blog เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงาน หรือขายสินค้าของตนได้อีกด้วยเช่น ช่างภาพ, ศิลปิน, นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดการ์ตูน , ร้านค้า , ฯลฯ





Google Apps คืออะไร มีประโยชน์และการใช้งานอย่างไร

Google Apps คือ บริการอีเมล์์์ที่ไม่ได้ให้สำหรับบุคคลทั่วไป แต่มีไว้ให้สำหรับ เจ้าของเว็บไซต์ หรือ คนทำเว็บไซต์ที่มี Domain  เป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการจาก Google ที่มุ่งเน้นให้บริการทางด้าน Hosting และ E-mail โดยจะนำเอาเทคโนโลยี Gmail เข้ามา integrate เข้าไปกับเว็บไซต์ของคุณ

การใช้งาน  Google Apps
  1. ตอนนี้คุณมี Domain แล้วรึยัง ถ้ายังไม่มี กรุณาติดต่อ ThaiDomainSave.com หาชื่อโดเมน ที่ต้องการ
  2. การเริ่มต้นจดโดเมน ใหม่เป็นวิธีที่ง่าย และเร็วที่สุดในการใช้ Google Apps เพียงทำตามขั้นด้านล่างนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะเรียบร้อย
    • ค้นหาชื่อโดเมน ที่ต้องการที่ ThaiDomainSave.com
    • แจ้งเจ้าหน้าที่ ThaiDomainSave.com ว่าต้องการใช้บริการGoogle Apps
    • จากนั้นเป็นอันเรียบร้อย อดใจรอเพียงไม่กี่ชั่วโมงขณะรอให้ DNS อัพเดท

  3. ถ้ามี Domain แล้ว แต่ยังไม่มีเว็บไซต์ และต้องการใช้ Gmail จากGoogle Apps
  4. ไม่ว่าคุณจะจดโดเมน กับผู้ให้บริการรายใด ก็สามารถให้ GICT เป็นผู้จัดการติดตั้งบริการGoogle Apps ได้ง่าย ๆ ดังนี้
    • ย้ายโดเมน มาอยู่กับ ThaiDomainSave.com วิธีนี้ GICT แนะนำว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดครับ
    • อีกวิธี ก็ง่ายดายไม่แพ้กันครับ เพียงแจ้งผู้จดทะเบียนโดเมน ว่าให้ช่วยชี้ DNS มาที่ ns.thaihostsave.com และ ns2.thaihostsave.com

  5. หากคุณมี Domain และมีเว็บไซต์อยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องการเพียงใช้ Gmail แทนระบบอีเมล์เก่าของคุณ
  6. วิธีการนี้ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ เนื่องจากประสบการณ์ และเทคโนโลยีที่ล้ำนำหน้าผู้ให้บริการอีเมล์์รายใด ๆ ขั้นตอนในการติดตั้งมี 2 วิธี ดังนี้
    • ย้ายโดเมน มาอยู่กับ ThaiDomainSave.com วิธีนี้ GICT แนะนำว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดครับ
    • อีกวิธี ก็ง่ายดายไม่แพ้กันครับ เพียงแจ้งผู้จดทะเบียนโดเมน ว่าให้ช่วยชี้ DNS มาที่ ns.thaihostsave.com และ ns2.thaihostsave.com


ประโยชน์ของ  Google Apps

แอปพลิเคชันการส่งข้อความและการทำงานร่วมกันที่ทำงานแบบเว็บของ Google ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ และต้องการการดูแลระบบน้อยที่สุด สร้างเวลาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจผู้ใช้สามารถใช้งาน ส่วนติดต่อของ Microsoft Outlook ที่คุ้นเคยสำหรับอีเมล ที่อยู่ติดต่อ และปฏิทินได้ เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gmail และ Google ปฏิทิน บริษัททำวิจัยชั้นนำพบว่า Google Apps มีค่าใช้จ่ายโดยรวมเพียง 1/3 ของค่าใช้จ่ายสำหรับโซลูชันคู่แข่ง ต้องการดูใช่หรือไม่ว่าคุณสามารถประหยัดได้มากเพียงใดเมื่อใช้งาน Google Apps โดยเปรียบเทียบกับ Microsoft Exchange 2007 ประมาณการเงินที่คุณประหยัดได้

พื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม 50 เท่า
พนักงานแต่ละรายจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลอีเมลขนาด 25 กิกะไบต์ ดังนั้นจึงสามารถเก็บข้อมูลสำคัญและค้นหาได้ทันทีด้วยการค้นหาของ Google ที่มีอยู่ภายในระบบ Gmail ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถลดเวลาในการจัดการกับกล่องจดหมายของตน และเพิ่มเวลาในการทำงาน คุณลักษณะที่ช่วยประหยัดเวลา ดังเช่น สายข้อมูลของข้อความ ป้ายกำกับข้อความ การค้นหาข้อความอย่างรวดเร็ว และการกรองสแปมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานกับอีเมลปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าถึงอีเมล ปฏิทิน และ IM บนโทรศัพท์มือถือ
ด้วยการใช้ตัวเลือกมากมายสำหรับการเข้าถึงข้อมูลขณะเดินทาง พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Google Apps แม้ว่าจะไม่อยู่ที่โต๊ะของตนก็ตาม Google Apps สนับสนุนการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายในอุปกรณ์ BlackBerry, iPhone, Windows Mobile, Android และโทรศัพท์หลายประเภทที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 

รับประกันความน่าเชื่อถือของความพร้อมในการทำงาน 99.9%
เรารับประกันว่า Google Apps จะมีความพร้อมในการทำงานอย่างน้อย 99.9% ดังนั้นพนักงานของคุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น และคุณจะกังวลใจน้อยลงเกี่ยวกับการหยุดทำงานของระบบ การจำลองข้อมูลแบบซิงโครนัส ทำให้ข้อมูลและกิจกรรมของคุณใน Gmail, Google ปฏิทิน, Google เอกสารและ Google Sites มีการเก็บรักษาไว้ในเวลาเดียวกันในศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยหลายแห่ง ถ้าศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งไม่สามารถตอบสนองคำขอของคุณ ระบบของเราได้รับการออกแบบให้เปลี่ยนกลับไปยังศูนย์ข้อมูลอีกแห่งซึ่งสามารถ ให้บริการบัญชีของคุณได้โดยที่ไม่เกิดการสะดุดขึ้น
Radicati Group พบว่าโดยปกติแล้ว Microsoft Exchange จะมีเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้กำหนดไว้เป็นเวลา 60 นาทีต่อเดือน ลูกค้าของ Google Apps พบว่าโดยปกติแล้วระบบจะหยุดทำงานน้อยกว่า 15 นาทีต่อเดือน

ความปลอดภัยของข้อมูลและเป็นไปตามข้อกำหนด
เมื่อคุณวางใจที่จะมอบข้อมูลของบริษัทแก่ Google คุณสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของคุณจะปลอดภัยทีมงานรักษาความปลอดภัยข้อมูลของ Google ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล แอปพลิเคชัน และเครือข่าย มุ่งเน้นที่จะรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย Google และลูกค้าอื่นๆ จำนวนมากวางใจใช้ระบบนี้กับข้อมูลบริษัทที่มีความสำคัญสูง

ธุรกิจสามารถรับคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่สามารถปรับแต่งได้เหล่านี้กับ Google Apps:
- เครื่องมือการกรองสแปมและอีเมลขาเข้าที่กำหนดเอง ขับเคลื่อนโดย Postini เพื่อเสริมตัวกรองสแปม
  ที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำงานโดยอัตโนมัติและไม่ต้องกำหนดค่าใดๆ
- เครื่องมือการกรองอีเมลขาออกที่กำหนดเองเพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญจากการถูกเผยแพร่ ซึ่งขับเคลื่อนโดย Postini
- กฎการแบ่งปันข้อมูลที่กำหนดเองเพื่อระบุขอบเขตที่พนักงานได้รับอนุญาตให้สามารถแบ่งปัน
  ด้วยGoogle เอกสาร, Google ปฏิทิน และ Google Sites
- ข้อกำหนดความยาวของรหัสผ่านที่กำหนดเองและเครื่องแสดงความเข้มงวดด้วยภาพที่จะช่วยให้พนักงานเลือกรหัสผ่านที่ปลอดภัย
- การเชื่อมต่อ SSL ที่บังคับใช้กับ Google Apps เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึง HTTPS อย่างปลอดภัย
- การเก็บอีเมลแบบถาวรซึ่งเป็นตัวเลือก สามารถเก็บรักษาได้ถึง 10 ปี

การควบคุมการดูแลระบบและข้อมูลแบบสมบูรณ์
ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่ง Google Apps ในเชิงลึกเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านเทคนิค ตราสินค้า และธุรกิจของตนได้
ตัวเลือกการผสานรวมจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ Google Apps กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีอยู่ของคุณ
- API การลงชื่อเพียงครั้งเดียวจะเชื่อมต่อ Google Apps กับระบบการตรวจสอบสิทธิ์ที่มีอยู่ของคุณ
- เครื่องมือและ API การจัดสรรสำหรับผู้ใช้จะเชื่อมต่อ Google Apps กับระบบไดเรกทอรีผู้ใช้ที่มีอยู่ของคุณ
- การสนับสนุนการกำหนดเส้นทางอีเมลและเกตเวย์อีเมลจะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Google Apps 
  ควบคู่ไปกับโซลูชันอีเมลที่มีอยู่
- เครื่องมือและ API การโอนย้ายข้อมูลอีเมลจะทำให้คุณสามารถนำอีเมลจากโซลูชันอีเมลที่มีอยู่ของ    
   คุณไปยัง Google Apps

การกำหนดตราสินค้าของระบบและความเป็นเจ้าของข้อมูลเป็นการกำหนดรูปลักษณ์ของ Google Apps ให้เป็นแบบของคุณเอง ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะเป็นเจ้าของข้อมูลพนักงาน
- กำหนดบัญชีผู้ใช้ด้วยตนเองในโดเมนอินเทอร์เน็ตของบริษัทของคุณ
- โลโก้และสีที่กำหนดเองในแอปพลิเคชัน
- การเป็นเจ้าของข้อมูลพนักงานของลูกค้าตามสัญญา 

การสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงที่เป็นประโยชน์
Google Apps มีความน่าเชื่อถือในระดับสูงและทำงานได้อย่างง่ายดาย แต่การสนับสนุนมีให้สำหรับผู้ดูแลระบบ หากคุณต้องการใช้งาน
ตัวเลือกการสนับสนุนประกอบด้วย:
- การสนับสนุนทางโทรศัพท์สำหรับปัญหาร้ายแรง
- การสนับสนุนทางอีเมล
- การสนับสนุนทางออนไลน์สำหรับการบริการตนเอง 

Google Apps ยังมีเครือข่ายพันธมิตรที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในการปรับใช้งาน การโอนย้ายข้อมูล การฝึกอบรมผู้ใช้ การผสานรวมระบบ และการพัฒนาแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง


Assignment#2


10 เทคนิคการใช้ Internet Explorer   

1. การแสดงพื้นที่บน internet Explorer ให้มากที่สุด
ให้กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม

2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน
เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F

3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้
ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลาเราใช้งาน Internet Explorer ได้

4. ปิด window ให้เร็วดังใจ
ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้

5. ดู address bar ว่าเราเข้าเว็บไหนมาบ้าง
address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ

6. save URL ให้เร็วที่สุด
คุณสามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้

7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน
คุณ ทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่

8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว
ปกติ เวลาจะดูรายละเอียดของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง

9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper
บาง ครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper

10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด
web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก็สามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย





6 เทคนิคการใช้งาน Mozilla Firefox

1. Re-Open Closed Tabs(เสกแท๊บที่ปิดไปให้กลับคืนมาในทันที)
ทราบหรือไม่ว่า คุณสามารถเปิดแท๊บที่ถูกปิดไปในหมาไฟได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ Extensions หรือ Add-ons ตัวใดเลย วิธีการง่ายๆก็คือ เพียงแค่คุณกดปุ่ม Ctrl+Shift+T บนคีย์บอร์ดพร้อมกัน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเสกแท็บที่ถูกปิดไป ให้กลับมาได้แล้ว


2. Quick Search(ค้นหาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า)
ต่อไปนี้คุณไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าเว็บค้นหา เว็บเสิร์ทเทพๆ ทั้งหลายอย่าง Google, Yahoo แล้ว เพียงแค่คุณใช้งานช่องสำหรับค้นหา ซึ่งอยู่ด้านหลัง ถัดจาก address bar ของเจ้าหมาไฟ เพียงใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการค้นหา แล้ว Enter คุณก็จะได้ผลลัพธ์จากการค้นหาแล้ว


3. Delete visited URL(ลบยูอาร์แอลของลิงก์เว็บที่คุณไปท่องมาอย่างง่าย ดาย)
ถ้าหากคุณท่องเน็ตด้วยหมาไฟ แล้วคุณอยากลบลิงก์เว็บหรือ URL บางตัวออกจาก history โดยไม่จำเป็นต้องทำการ Clear All Private Data ทั้งนี้บาง url นั้นคุณต้องการเก็บเป็นความลับ หรือเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการให้ใครเข้าไปหรือเห็น คุณสามารถลบ URL นั้นออกไปได้ โดยคลิกที่ปุ่ม dropdown ที่อยู่หลังสุดของช่อง address bar แล้วเลื่อนหาหรือเลือก URL ที่คุณต้องการ แล้วกดปุ่ม Del หรือ Delete ที่คีย์บอร์ด เท่านี้ URL นั้นก็จะหายไปจาก list และ history แล้ว


4. Navigate tabs with keyboard(ใช้คีย์บอร์ดช่วยในการเลือกแท๊บ)
โดยปกติทั่วไปเราจะใช้เม้าส์ในการเลือกแท็บที่เปิดเว ็บนั้นๆอยู่ แต่วันนี้เราสามารถใช้คีย์บอร์ดช่วยในการเลื่อน เลือกแท๊บที่เปิดเว็บที่เราต้องการอย่างรวดเร็ว โดยใช้คีย์ดังต่อไปนี้
กดปุ่ม Ctrl+Tab พร้อมกันเพื่อเลื่อน/เลือกแท๊บจากซ้ายไปขวาหรือหน้าไปหลังนั่นเอง
ตรงกันข้าม ใช้ Ctrl+Shift+Tab เลื่อน/เลือกแท๊บจากขวาไปซ้ายหรือหลังไปหน้า ได้เช่นกัน
หรือสามารถใช้ Ctrl+Number เพื่อเปิดแท๊บที่ต้องการ เช่น Ctrl+3(เปิดเลือกแท๊บ 3 ที่เปิดไว้), Ctrl+5(เปิดเลือกแท๊บ 5 ที่เปิดไว้)


5. เริ่มการดาวน์โหลดบัดเดี๋ยวนี้
โดยทั่วไปเวลาที่เราจะดาวน์โหลดไฟล์ เราต้องทำการคลิกที่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์นั้นๆ หรือเลือก “Save Link As…” แล้วรอสักครู่ค่อยทำการดาวน์โหลดและบันทึกไฟล์ แต่วันนี้ขอแนะนำให้ใช้วิธีการ drag เลือกที่ url หรือลิงค์สำหรับดาวน์โหลดไฟล์นั้นๆ ไปวางใส่ไอคอนรูป “download” ที่อยู่บน Toolbar จะทำให้หมาไฟทำการดาวน์โหลดไฟล์นั้นทันที (ถ้าไม่เห็นไอคอนให้ไปที่เมนู View>Toolbars>Customize…>แล้วคลิกเลือกไอคอน download  เม้าส์ซ้ายค้างไว้ แล้วนำไปวางใส่ใน toolbars คุณก็จะได้ไอคอน download


6. บันทึกไฟล์ รูปภาพหรือมีเดียอื่นๆในเว็บเพจที่ป้องกันการ Save ไว้
ถ้า คุณอยากบันทึก Save ไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ หรือมีเดียร์อื่นๆในเว็บเพจที่มีการป้องกันการบันทึกไว้  เช่น ป้องกันการบันทึกด้วยคลิกขวา เป็นต้น วันนี้คุณสามารถ ทำการบันทึกไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ หรือมีเดียร์นั้นๆได้ โดยคลิกขวาที่เว็บเพจนั้นๆ > แล้วเลือกเมนู “View PAge Info” > จากนั้นเลือกที่แท๊บ “Media” > จากนั้นเลือกไฟล์หรือมีเดียที่คุณต้องการแล้วคลิกปุ่ ม Save เพื่อบันทึกไฟล์ ได้ง่ายๆแล้ว





5 เทคนิคการใช้ Google Chrome
1. สามารถลากแท็บออกมาเป็นหน้าต่างของตัวเองได้
หาก ใครใช้ chrome อยู่ตอนนี้จะสังเกตเห็นแท็บด้านบนสุด เราสามารถลากออกมาเป็นหน้าต่างใหม่ได้ และลากแท็บจากหน้าต่างอื่นเข้ามาอยู่ในหน้าต่างใด ๆ ก็ได้

2. ลากไฟล์ที่ดาน์วโหลดเสร็จแล้วไปยังโฟล์เดอร์ หรือหน้าจอได้
เทคนิคนี้ก็คล้ายกับการลากแท็บออกมาเป็นหน้าต่าง แต่เป็นวิธีที่ลากไฟล์ที่ดาวน์โหลดไฟล์ที่เสร็จแล้ว


3. ตรวจสอบองค์ประกอบของหน้า เครื่องมือสำหรับคนทำเว็บ
เป็น ส่วนเสริมที่ติดมากับ chrome สำหรับนักพัฒนาเว็บ ซึ่งมีความสามารถคล้ายกับ web developer add-on ของไฟร์ฟอก สามารถแสดงเวลาการโหลดหน้าเว็บได้
(คลิกขวาที่หน้าเว็บ >จากนั้นเลือกตรวจสอบองค์ประกอบ)


4.แอดเดรสบาร์อัจฉริยะ
 เทคนิคนี้คล้ายกับการการใช้ google search ในการคำนวณ หาคำศัพท์ และหาสกุลเงิน แต่ยกมาไว้บนแอดเดรสบาร์ของ chrome เพื่อง่ายในการใช้

6. ย่อ/ขยายกล่องข้อความบนเว็บไซต์
ช่วยในการดูมุมมองใน การพิมพ์ข้อความยาว ๆ ในกล่องข้อความ อย่างเช่น เราเข้าไปตอบกระทู้ใน pantip หากเป็นข้อความยาว ๆ มุมมองข้อความก็จะสั้นตามที่กล่องข้อความกำหนดไว้ ทีนี้ถ้าเราใช้ chrome เราก็ลากกล่องข้อความขยายความยาวลงมาได้ ไม่ต้องใช้ scroll bar ก็ได้

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำศัพท์....




Browser คือ....?
          เครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถท่องเที่ยวไปในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดกั้นทางด้านพรมแดน นอกจากนี้ Browser ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งในขณะนี้บริษัทผลิตซอฟแวร์ค่ายต่างๆ นับวันจะทวีการแข่งขันกันในการผลิต Browser เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเว็บให้มากที่สุด หน้าตาของ browser แตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบการใช้งานของแต่ละค่ายโปรแกรม 




Client คือ....?
          เครื่อง computerที่ทำหน้าที่ Update data หรือ computer ที่สามารถส่งผ่าข้อมูล เข้าไปใน main Sever เพื่อให้มีการประมวลผลข้อมูลที่เก็บใน Severหรือเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เป็นต้น ดังนั้นสำหรับ computer ที่ถูก setup ไว้ทำหน้าที่นี้จะเรียกว่า Client






Domain Name Server (DNS) คือ....?
          สิ่งที่นำมาอ้างถึงหมายเลขเครื่อง หรือ หมายเลข IP Address เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ DNS จะทำหน้าที่คล้ายกับสมุดโทรศัพท์ คือ เมื่อมีคนต้องการจะโทรศัพท์หาใคร คน ๆ นั้นก็จะต้องเปิดสมุดโทรศัพท์เพื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ต้องการจะ ติดต่อคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน เมื่อต้องการจะสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เครื่องนั้นก็จะทำการสอบถามหมายเลข IP ของเครื่องที่ต้องการจะสื่อสาร กับ DNS server ซึ่งจะทำการค้นหาหมายเลขดังกล่าว ในฐานข้อมูลแล้วแจ้งให้ Host ดังกล่าวทราบ ระบบ DNS แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ

Name Resolvers โดยเครื่อง Client ที่ต้องการสอบถามหมายเลขไอพีเรียกว่า Resolver ซึ่งซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็น Resolvers นั้นจะถูกสร้างมากับแอพพลิเคชันหรือเป็น Library ที่มีอยู่ใน Client

Domain Name Space เป็นฐานข้อมูลของ DNS ซึ่งมีโครงสร้างเป็น Tree หรือเป็นลำดับชั้น แต่ละโหนดคือ โดเมนโดยสามารถมีโดเมนย่อย (Sub Domain) ซึ่งจะใช้จุดในการแบ่งแยก

Name Servers เป็นคอมพิวเตอร์ที่รันโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลบางส่วนของ DNS โดย Name Server จะตอบการร้องขอทันที โดยการหาข้อมูลตัวเอง หรือส่งต่อการร้องขอไปยัง Name Server อื่น ซึ่งถ้า Name Server มีข้อมูลของส่วนโดเมนแสดงว่า Server นั้นเป็นเจ้าของโดเมนเรียกว่า Authoritative แต่ถ้าไม่มีเรียกว่า Non-Authoritative





Download คือ....?
          การโอนย้ายไฟล์หรือข้อมูลจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่ง เช่น การโอนไฟล์หรือว่าข้อมูลมาจาก อินเตอร์เนต หรือว่า จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เข้ามาบันทึกเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา  ในทางกลับกัน  ถ้าเราจะนำไฟล์หรือข้อมูลของเราไปบันทึกไว้เครื่องอื่น  ที่มีการเชื่อมต่อกันมากกว่า 2  เครื่อง  การโอนไฟล์หรือข้อมูลจากเครื่องของเรา ไปบันทึกไว้บนเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการฝากข้อมูล หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น จะเรียกว่า  การ Upload



E-mail คือ....?
          จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีการส่งเหมือนจดหมายจริง โดยจะไปเก็บไว้ในเมล์บ็อกซ์ของผู้รับปลายทาง รอจนกว่าผู้รับปลายทางจะมาเปิดเมล์บ็อกซ์นำจดหมายไป





Freeware  คือ....?
          ซอฟต์แวร์
ที่สร้างขึ้นและสามารถนำไปใช้ได้ในทุกจุดประสงค์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ฟรีแวร์เป็นลักษณะก้ำกึ่งระหว่างซอฟต์แวร์พาณิชย์และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ คืออนุญาตให้กลุ่มผู้พัฒนามีส่วนร่วมในการสร้างซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่เผยแพร่รหัสต้นฉบับสู่สาธารณชนเพื่อรักษาความลับทางการค้า





Homepage คือ....?
          หน้าแรกที่แสดงข้อมูลของเว็บไซต์ หรือ WWW (World Wide Web) เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ หรือ เป็นการดึงดูด ให้เข้าไปชมข้อมูลภายใน  ซึ่งภายในโฮมเพจอาจมีเอกสารข้อความอื่นๆที่เรียกว่า เว็บเพจ (web page) เชื่อมโยงต่อจากโฮมเพจนั้นได้อีกเป็นจำนวนมาก




Internet  คือ....?
          อินเทอร์เน็ตคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมากครอบคลุมไป ทั่วโลกโดยอาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล มีการประยุกต์ใช้งานหลากหลายรูปแบบ อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายของเครือข่าย เพราะอินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายย่อยเป็นจำนวนมากต่อเชื่อมเข้าด้วยกัน ภายใต้มาตรฐานเดียวกันจนเป็นสังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ ทำให้การเข้าสู่เครือข่ายเป็นไปได้อย่างเสรีภายใต้กฎเกณฑ์บางประการที่กำหนด ขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและวุ่นวายจากการเชื่อมต่อจากเครือข่ายทั่วโลก             





Server คือ....?
    
เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นลูกข่าย ในระบบเครื่อข่าย




World Wide Web คือ....?
          พื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทางอินเตอร์เน็ต โดยการกำหนด URL คำว่าเวิลด์ไวด์เว็บมักจะใช้สับสนกับคำว่า อินเตอร์เน็ต โดยจริงๆแล้วเวิลด์ไวด์เว็บเป็นเพียงแค่บริการหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต




Web Site  คือ....?
          แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน





Web Browser  คือ....?
          โปรแกรมที่เป็นประตูเข้าสู่โลก World Wide Web ซึ่งเป็นโปรแกรม ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client) มีหน้าที่ในการส่งข้อมูล ร้องขอข้อมูล และนำเสนอข้อมูลเว็บ โดยตัวเว็บบราวเซอร์ จะเข้าใจภาษา HTML ที่เป็นมาตรฐานของเว็บ บราวเซอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็มี Internet Explorer ของไมโครซอฟท์ และ Firefox ซึ่งเป็นบราวเซอร์โอเพ่นซอสต์ (แจกฟรี)






Hypertext  คือ....?
          ข้อความ หรือกลุ่มของข้อความที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน โดยมีการนำเสนอ แบบปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ด้วยการนำข้อความที่ใช้มาเป็นจุดเชื่อมโยง ซึ่งจะปรากฏในลักษณะที่เด่นกว่าข้อความอื่น เช่น การขีดเส้นใต้ การเน้นด้วยสี ตัวหนา หรือตัวเลือก เป็นต้นในยุกแรกที่มีการนำไฮเปอร์ลิ้งค์เข้ามาใช้ในคอมพิวเตอร์ ที่เห็นได้เด่นชัด ได้แก่ ข้อความในระบบช่วยเหลือของโปรแกรมต่างๆ ซึ่งรูปแบบของระบบช่วยเหลือจะเริ่มด้วยการแสดงหัวข้อของการช่วยเหลือทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างไรโดยใช้เมาส์คลิ กที่หัวข้อนั้นๆจากหัวข้อที่ถูกเลือกจะถูกเชื่อมโยงไปยังรายละเอียดภายในที่ ได้ตระเตรียมไว้แล้ว แสดงผลออกมาทางหน้าจอในรูปของข้อความซึ่งภายในข้อความเหล่านี้อาจจะมีบางข้อ ความที่สำคัญได้ถูกเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาอื่นอีก โดยการนำเสนอเนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นไปในรูปแบบของตัวอักษรทั้งสิ้น จึงเรียกว่า “ไฮเปอร์เท็กซ์ (HyperText)”ในระบบมัลติมีเดีย (Multimedia System) ได้นำหลักการของไฮเปอร์เท็กซ์มาเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอจากเดิมที่มีการ เชื่อมโยงเฉพาะข้อความหรือตัวอักษรเท่านั้น มาเป็นการเชื่อมโยงโดย
ใช้ภาพนิ่ง เสียง และวีดีโอ